Stone Restoration
Repair Machines
3M Matting
Anti-Slip Matting
3M Anti-Slip Tape
High-pressure
Dry Vacuum
Wet & Dry Vacuum
Carpet cleaner
Floor scrubber & polishing
Steam Cleaner
Auto scrubber driers
Sweepers
Carpet Air Blower
Window And Surface Vacuum
After sales sevices
3M Daily Chemical
3M Hardfloor system
3M Soft-floor system
3M Problem Solving
Greenmind
3M Scotch-Brite
3M Easy Erasing Pad
3M Cleaning equipments
3M Floor pads
Unger Glass Cleaner
Micro Fiber Cloths
Other Equipment
Stanless Maker
Bin
Sealer
Maintenance chemicals
Problem Solving Chemical
Crystal Shine System
Stone Restoration Machine
Diamond Resin Disc
Ozone Machine
Diamond Pads
รู้จักไข้หวัด....
ไข้หวัด (
common cold)
เป็นโรคที่พบได้บ่อยมากที่สุดโรคหนึ่ง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลามีอากาศเปลี่ยนแปลง เนื่องจากส่วนใหญ่เกิดจากเชื้อไวรัส
ที่ติดต่อถึงกันได้ทางอากาศที่เราหายใจเข้าไป เด็กเล็กมักเป็นไข้หวัดตั้งแต่อายุ
1-3
ขวบ และจะพบได้มากขึ้นเมื่อเข้าเรียนหนังสือ อายุ
5-6
ขวบเป็นต้นไป
เนื่องจากสิ่งแวดล้อมในโรงเรียนเอื้ออำนวยให้มีการติดต่อกันได้ง่ายขึ้น
โดยเฉพาะเวลาไอหรือจาม มักจะไม่มีการปิดปาก
เมื่อโตเป็นผู้ใหญ่ร่างกายของคนเรามักมีภูมิต้านทานมากขึ้น
จะเป็นไข้หวัดน้อยลงเรื่อยๆ ตามลำดับ
ไข้หวัดเกิดจากการติดเชื้อไวรัสหรือ
แบคทีเรียที่เยื่อบุโพรงจมูก
ซึ่งอาจจะลุกลามไปสู่โพรงไซนัสบริเวณข้างโพรงจมูก หูชั้นกลาง
และหลอดลม โดยปกติแล้วภายในโพรงจมูกประกอบด้วยผนังที่มีลักษณะคล้ายหิ้งวางของ
ซึ่งมีหน้าที่ในการที่จะดักอนุภาคเล็กที่เข้ามาภายในโพรงจมูก
และจะค่อยเคลื่อนย้ายสิ่งแปลกปลอมเหล่านั้นไปทางด้านหลังของโพรงจมูก
และโดยเฉพาะที่บริเวณส่วนที่เรียกว่าอะดินอยด์
ซึ่งเป็นเนื้อเยื่อน้ำเหลืองที่เป็นเป้าหมายของเชื้อไวรัสไข้หวัด
สาเหตุ
ส่วนใหญ่เกิดจากเชื้อไวรัส
ซึ่งรวมเรียกว่า
coryza viruses
ประกอบด้วย
rhinoviruses
เป็นสำคัญ
เชื้อชนิดอื่นๆ ได้แก่
adenoviruses, respiratory syncytial virus
เมื่อเชื้อเข้าสู่จมูก และคอ
จะทำให้เยื่อจมูกบวมและแดงพบว่ามีการหลั่งของเมือกออกมา
ไข้หวัดในเด็กส่วนใหญ่มักเกิดจากการติดเชื้อไวรัส ซึ่งมีอยู่มากกว่า
100
ชนิด
เป็นได้ในเด็กทุกวัย แม้ว่าจะเป็นโรคที่หายเองในหนึ่งสัปดาห์
แต่เป็นโรคที่นำผู้ป่วยไปพบแพทย์มากที่สุด โดยเฉลี่ยเด็กจะเป็นไข้ หวัด
6-12
ครั้งต่อปี ผู้ใหญ่จะเป็น
2-4
ครั้ง
ผู้หญิงเป็นบ่อยกว่าผู้ชายเนื่องจากใกล้ชิดกับเด็ก
คนสูงอายุอาจจะเป็นปีละครั้ง
โรคนี้มักจะระบาดฤดูหนาว
เนื่องจากความชื้นต่ำและอากาศเย็น สามารถติดต่อทางน้ำลายและเสมหะ
โดยหายใจเอาเชื้อที่กระจายอยู่ในอากาศ
นอกจากนั้นมือที่เปื้อนเชื้อโรคก็สามารถทำให้เกิดโรคได้โดยผ่านทางจมูกและตา
มือของเด็กหรือผู้ใหญ่ที่สัมผัสเชื้อจากเสมหะของผู้ป่วย หรือสิ่งแวดล้อม แล้วขยี้ตา
หรือเอาเข้าปากหรือจมูก ผู้ป่วยสามารถแพร่เชื้อได้ก่อนเกิดอาการและ
1-2
วันหลังเกิดอาการ ผู้ที่มีโอกาสเป็นไข้หวัดง่ายคือ เด็กอายุน้อยกว่า
2
ปี
เด็กที่ขาดอาหาร เด็กที่เลี้ยงในสถานเลี้ยงเด็ก
เชื้อหวัดเข้าสู่โพรงจมูกส่วนหน้า
โดยติดมากับนิ้วมือเวลาที่แคะจมูก
หรือหายใจสูดเอาละอองเสมหะจากการไอหรือจามของคนที่เป็นโรคนี้เข้าไปหลังจากนั้นก็จะถูกเซลล์ที่สามารถพัดโบกให้อนุภาคไวรัสเคลื่อนไปที่บริเวณผนังด้านหลังซึ่งจะมีที่เกาะให้กับไวรัส
และนำไวรัสเข้าสู่เซลล์ได้ หลังจากที่เข้าสู่เซลล์
แล้วเชื้อไวรัสก็จะเพิ่มปริมาณและทำให้เซลล์นั้นตายไป
จากนั้นก็จะเข้าสู่เซลล์ข้างเคียงต่อไปเรื่อยๆ
ทำให้เกิดการอักเสบของเยื่อบุโพรงจมูก
ระยะเวลาตั้งแต่ที่ได้รับเชื้อไวรัสเข้าสู่โพรงจมูกจนกระทั่งทำให้เกิดอาการของโรคนี้ใช้เวลาประมาณ
8-12
ชั่วโมง และจะเริ่มแสดงอาการหลังจากได้รับเชื้อประมาณ
10-12
ชั่วโมง
จากนั้นอาการจะแสดงมากที่สุดเมื่อได้รับเชื้อไปแล้ว
36-72
ชั่วโมง
อาการ
อาการทั่วไปของไข้หวัด
ได้แก่ น้ำมูกไหล จาม เจ็บคอ เสียงแหบ
ในตอนต้นอาจมีน้ำมูกใสๆ แต่ถ้ามีการติดเชื้อแบคทีเรียร่วมด้วย อาจทำให้น้ำมูกข้น
มีสีเหลืองปนเขียว บางครั้งอาจมีอาการปวดศรีษะ
และมีไข้ร่วมด้วยแต่ถ้าหากมีไข้สูงร่วมกับมีอาการปวดเมื่อยตามร่างกายแขน ขา
อาจจะมีสาเหตุจากไข้หวัดใหญ่ก็ได้ ผู้ป่วยจะมีอาการน้ำมูกไหล เจ็บคอ ไข้ ไอ
และปวดศีรษะ บางราย อาจมีภาวะแทรกซ้อนที่สำคัญได้แก่หูอักเสบ ไซนัสอักเสบ
และปอดบวม
ผู้ใหญ่
มีอาการจาม และน้ำมูกไหลจะนำมาก่อน อ่อนเพลีย ปวดศีรษะเล็กน้อย
แต่มักไม่ค่อยมีไข้ เชื้อจะออกจากทางเดินหายใจของผู้ป่วย
2-3
ชั่วโมงและหมดใน
2
สัปดาห์ บางรายอาจมีอาการปวดหู เยื่อแก้วหูมีเลือดคั่ง บางรายเยื่อบุตาอักเสบ
เจ็บคอกลืนลำบาก โรคมักเป็นไม่เกิน
2-5
วัน แต่อาจมีน้ำมูกไหลนานถึง
2
สัปดาห์
ในเด็ก
อาจจะรุนแรง
และมักมีการแพร่ไปเป็นหลอดลมอักเสบ ปอดบวมเป็นต้น
ผลแทรกซ้อนหรือปัญหาที่เกิดตามมาของไข้หวัด ได้แก่
การอักเสบของไซนัสที่เกิดจากการแทรกซ้อนของเชื้อแบคทีเรีย การอักเสบของหูชั้นกลาง
หอบหืด สำหรับผู้ที่มีโรคถุงลมในปอดโป่งพอง
ไข้หวัดจะทำให้อาการทางปอดเรื้อรังเป็นมากขึ้นอย่างรุนแรง
การวินิจฉัย
สามารถให้การวินิจฉัย
ได้จากการซักถามประวัติและตรวจร่างกายอย่างละเอียด
การรักษา
การรักษาไข้หวัดนั้น ส่วนใหญ่จะให้การรักษาตามอาการ เช่น
การให้ยาลดน้ำมูก ยาลดไข้ ให้ดื่มน้ำมากๆ
และที่สำคัญคือการพักผ่อนให้เพียงพอ
อาการส่วนใหญ่จะดีขึ้นและหายไปภายใน
2-4
วัน
ถ้าไม่มีอาการแทรกซ้อนจากการติดเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งอาจลุกลามไปถึงหูชั้นกลาง
ไปที่ไซนัส กล่องเสียง หลอดลม และปอด ทำให้ต้องใช้เวลาในการรักษามากขึ้นไปอีก
การรักษาส่วนใหญ่อาจทำได้เอง โดยการให้ยารับประทานตามอาการ
รักษาร่างกายให้อบอุ่นและดื่มน้ำมากๆ โดยมากไม่จำเป็นต้องใช้ยาปฏิชีวนะ
กรณีมีอาการปวดหู หูอื้อ ปวดศีรษะมาก มีอาการหอบเหนื่อย น้ำมูกหรือเสมหะเหลืองเขียว
ควรพบแพทย์เพื่อการวินิจฉัยโรคและภาวะแทรกซ้อน รวมทั้งการรักษาที่ถูกต้องต่อไป
การดื่มน้ำมากๆ
ช่วยทำให้น้ำมูกหรือเสมหะใสขึ้นและทำให้ขับน้ำมูกหรือเสมหะได้ง่ายขึ้น
น้ำอุ่นจะทำให้เสมหะที่เกาะอยู่บริเวณคอหอยละลายได้ง่ายกว่าน้ำเย็น
พักผ่อนให้เพียงพอและทำให้ร่างกายอบอุ่น
แต่ไม่ควรร้อนเกินไป
หลีกเลี่ยงการจามหรือสั่งน้ำมูกอย่างรุนแรง
เพราะจะทำให้น้ำมูกที่มีเชื้อโรคเข้าไปในไซนัสได้โดยง่ายและทำให้เกิดการอักเสบติดเชื้อในไซนัสได้
ควรอยู่ในสถานที่ที่มีการถ่ายเทอากาศที่ดี
หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่ที่มีควันบุหรี่หรือควันไฟมากเพราะจะ
ทำให้เยื่อบุระคายเคืองอีกทั้งทำให้การระบายน้ำมูกหรือเสมหะเป็นไปได้ลำบาก
เลือกใช้ยาที่เหมาะสม
เช่น
ยาต้านฮิสตามิน เพื่อลดการคัดจมูกและลดน้ำมูก ยาลดการอักเสบ ยาลดบวมในโพรงจมูก
ยาแก้ไอ และพิจารณาใช้ยาปฏิชีวนะเมื่อเริ่มมีการติดเชื้อแบคทีเรีย
เช่นน้ำมูกหรือเสมหะเป็นสีเขียว
การ
ป้องกัน
การป้องกันไข้หวัดสามารถกระทำได้โดยรับประทานอาหารให้ครบหมู่
พักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายเป็นประจำ
และต้องพยายามไม่ไปอยู่ใกล้คนที่เป็นไข้หวัด เพราะอาจติดต่อถึงกันได้
ลดการสัมผัสกับผู้ป่วยหรือสิ่งของเครื่องใช้ของผู้ป่วย
อย่าอยู่ใกล้ชิดกับผู้ที่เป็นหวัดเป็นเวลานาน
ไม่ใช้ของร่วมกับผู้อื่น เช่น ผ้าเช็ดหน้า
ล้างมือบ่อยๆ
หรือทุกครั้งหลังจากสัมผัสกับผู้ป่วยหรือข้าวของเครื่องใช้ในที่สาธารณะเช่น
โดยเฉพาะถ้าสัมผัสกับลูกบิดประตู ราวโหนรถเมล์หรือราวบันได
ประโยชน์ของการล้างมือคือ ชะล้างเอาเชื้อโรคที่เกาะอยู่ที่มือออกไป
โดยเฉพาะก่อนและหลังการสัมผัสผู้ป่วย
แต่พึงระลึกไว้ว่าน้ำยาล้างมือที่มีส่วนผสมของยาฆ่าเชื้อโรคนั้นไม่สามารถฆ่าเชื้อหวัดได้
เพียงแต่ชะล้างออกไปเท่านั้นเอง
อย่าเอามือสัมผัสหรือถูจมูก หรือขยี้ตา
ไม่เอามือเข้าปากหรือขยี้ตาเพราะอาจนำเชื้อเข้าสู่ร่างกายได้
หลีกเลี่ยงการเข้าใกล้ผู้ป่วยที่กำลังไอหรือจาม
เวลาไอหรือจามให้ใช้ผ้าเช็ดหน้าปิดปาก รวมทั้งหลีกเลี่ยงที่ชุมชน
เช่น โรงภาพยนต์ ร้านอาหาร ในช่วงที่มีการระบาด
ที่มา : นพ.วรวุฒิ
เจริญศิริ
ศูนย์ข้อมูลสุขภาพกรุงเทพ
« Back
สาระน่ารู้
คู่มือการทำความสะอาด
การดูแลพื้นหินอ่อน และหินขัด ด้วยแผ่น 3M Diamond Pad
Crystal Shine System
โอโซน Ozone กับงานโรงแรม
กระเบื้องโมเสก
เปิดทำการเฉพาะวันจันทร์ อังคาร พฤหัสบดี เเละศุกร์ ตั้งเเต่เวลา 8.30 - 16.00 น.
บริษัท ท็อปไลน์ เซ็นเตอร์ จำกัด Topline Center Co.,ltd. www.toplinecenter.co.th info@toplinecenter.co.th T. 076-364071 , 076-364072 F. 076-530398
Visitors : 61968